วันพฤหัสบดีที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2556

คำคมคำขายประกันชีวิต

คำคมคำขาย
"การจากไปของคนเรา เกิดขึ้นได้ 2 เวลา จากไปในเวลาที่เหมาะสม จากไปในเวลาที่ไม่เหมาะสม ใน 100 คนมีเพียง 5 คน ที่จากไปในเวลาที่เหมาะสม เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่า … เมื่อถึงวันที่เราต้องจากไปจริง เราสามารถเลือกที่จะจากไปในเวลาที่เหมาะสมได้"

วันเสาร์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ผู้เอาประกันภัยจะเวนคืนเงินตามกรมธรรม์ประกันภัย ไปให้บุคคลอื่นได้หรือไม่

ในการทำประกันชีวิตนั้น มีมากมายหลายแบบให้เลือกซื้อ สัญญาประกันชีวิตบางสัญญาจะมีมูลค่าเงินสดฝากสะสมไว้กับบริษัทประกันชีวิตโดยสังเกตุได้จากตารางท้ายกรมธรรม์ประกันภัย เงินจำนวนนี้มีลักษณะเช่นเดียวกับเงินฝากธนาคาร ผู้เอาประกันภัยจึงสามารถเวนคืนกรมธรรม์ประกันภัยเพื่อรับเงินตามมูลค่าที่มีอยู่ในกรมธรรม์ได้เช่นเดียวกับการถอนเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร ดังนั้นผู้เอาประกันภัยจึงสามารถโอนประโยชน์ตามสัญญาประกันชีวิตนี้ไปให้บุคคลอื่นได้

เมื่อทราบอย่างนี้แล้ว ทุกคนก็สบายใจได้ เพราะสามารถโอนประโยชน์ตามสัญญาประกันชีวิตนี้ไปให้บุคคลอื่นได้ แต่จำนวนเงินของการเวนคืนนั้นต้องเท่ากับมูลค่าที่มีอยู่ในกรมธรรม์นั้นๆ ตามตารางท้ายกรมธรรม์ประกันภัย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ควรเวรคืนกรมธรรม์ เพราะว่าจะได้ไม่คุ้มเสีย มูลค่าเวนคืนที่ได้ส่วนใหญ่จะน้อยกว่าเบี้ยที่เราได้ชำระไปก่อนหน้านั้นอยู่แล้ว ผมขอแนะนำว่าไม่ควรเวนคืนกรมธรรม์ก่อนครบสัญญา หากไม่มีเหตุที่จำเป็นคอขาดบาดตายจริงๆ

ที่มา: สมาคมประกันชีวิตไทย

ประกันชีวิตแบ่งออกได้เป็น 4 แบบ

สวัสดีครับ ที่ผ่านมาเราได้ทราบไปแล้วว่าประกันชีวิตมีกี่ประเภท มาวันนี้เรามารู้กันว่าประกันชีวิตมีกี่แบบ อะไรบ้าง แล้วแต่ละแบบมีความหมาย แตกต่างกันอย่างไร อย่างไหนเหมาะกับใคร เรามาดูกัน

แบบชั่วระยะเวลา (Term Insurance) คือการประกันชีวิตที่บริษัทตกลงว่าจะจ่ายเงินตามจำนวนที่ระบุไว้ให้แก่ผู้รับประโยชน์ ถ้าหากผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตภายในระยะเวลาที่กำหนด เช่น 1 ปี 5 ปี 10 ปี หรือ 20 ปี สัญญาประกันชีวิตแบบนี้มีลักษณะเป็นการให้ความคุ้มครองการเสี่ยงภัยอันเกิดจากการเสียชีวิตแต่เพียงอย่างเดียว ไม่มีการสะสมทรัพย์รวมอยู่ด้วย จึงมีลักษณะเช่นเดียวกับสัญญาประกันอัคคีภัย เมื่อครบกำหนดสัญญาแล้วจึงไม่มีมูลค่าใด ๆ คืนให้แก่ผู้เอาประกัน

แบบตลอดชีพ (Whole life Insurance) คือการประกันชีวิตที่บริษัทตกลงว่าจะจ่ายเงินตามจำนวนที่ระบุไว้ให้แก่ผู้รับประโยชน์ เมื่อผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตโดยไม่คำนึงว่าจะเสียชีวิตเมื่อใด แต่ถ้าหากผู้เอาประกันภัยมีชีวิตอยู่จนถึงอายุ 99 ปี บริษัทประกันชีวิตก็จะจ่ายเงินตามจำนวนที่ระบุไว้ให้แก่ผู้เอาประกันภัย

แบบสะสมทรัพย์ (Endowment Insurance) คือการประกันชีวิตที่บริษัทตกลงว่าจะจ่ายเงินตามจำนวนที่ระบุไว้ให้แก่ผู้รับประโยชน์ ถ้าหากผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตภายในระยะเวลาที่กำหนด หรือจ่ายเงินให้แก่ผู้เอาประกันภัยถ้าหากผู้เอาประกันภัยมีชีวิตอยู่ในวันที่สัญญาครบกำหนด

แบบเงินได้ประจำ (Annuities Insurance) คือการประกันชีวิตที่บริษัทตกลงว่าจะจ่ายเงินจำนวนหนึ่งเป็นประจำให้แก่ผู้เอาประกันภัย เมื่อผู้เอาประกันภัยมีชีวิตอยู่ในวันที่กำหนดไว้ในสัญญา โดยทั่วไปเงินได้ประจำจะจ่ายเป็นปีทุก ๆ ปี จนครบตามเงื่อนไขของสัญญา สัญญาประกันชีวิตแบบนี้เหมาะกับผู้เอาประกันภัยที่มีวัตถุประสงค์เพื่อสะสมทรัพย์ไว้เป็นค่าใช้จ่ายหลังจากที่เกษียณอายุการทำงานแล้ว

ที่มา: สมาคมประกันชีวิตไทย

วันพุธที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2553

การประกันชีวิตแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท

สวัสดีครับ คราวนี้เราก็มาเรียนรู้ว่าประกันชีวิตมีกี่ประเภท อะไรบ้าง และแต่ละประเภทมีรายละเอียดอย่างไร แตกต่างกันอย่างไร สำหรับการประกันชีวิตนั้น กรมการประกันภัย ได้แบ่งประเภทของการประกันชีวิตได้เป็น 3 ประเภท ดังนี้

ประเภทสามัญ (Ordinary Life Insurance) คือการประกันชีวิตที่มีจำนวนเงินเอาประกันภัยค่อนข้างสูง เหมาะสำหรับผู้มีรายได้ปานกลางหรือสูง โดยทั่วไปกำหนดชำระเบี้ยประกันภัยเป็นรายปี รายหกเดือน หรือรายสามเดือน การพิจารณารับประกันชีวิตมีทั้งแบบตรวจสุขภาพและไม่ต้องตรวจสุขภาพ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินเอาประกันภัยและอายุเป็นสำคัญ

ประเภทอุตสาหกรรม (Industrial Life Insurance) คือการประกันชีวิตที่มีจำนวนเงินเอาประกันภัยค่อนข้างต่ำ จึงไม่มีการตรวจสุขภาพ การพิจารณารับประกันชีวิตอาศัยข้อมูลจากคำแถลงในใบคำขอเอาประกันภัย โดยทั่วไปกำหนดชำระเบี้ยประกันภัยเป็นรายเดือนอาจมีเงื่อนไขกำหนดระยะเวลารอคอยก็ได้ ระยะเวลารอคอย (Waiting Period) คือระยะเวลาที่กำหนดไว้เพื่อพิสูจน์สุขภาพของผู้เอาประกันภัย หากผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตภายในระยะเวลาดังกล่าว บริษัทประกันชีวิตไม่ต้องจ่ายเงินเอาประกันภัย โดยทั่วไปกำหนดไว้ 180 วัน

ประเภทกลุ่ม (Group Life Insurance) คือการรับประกันชีวิตบุคคลหลายคนภายใต้กรมธรรม์ประกันภัยฉบับเดียว โดยพิจารณาถึงความเสี่ยงภัยของบุคคลในกลุ่มทั้งหมดด้วยอัตราเฉลี่ย ไม่ว่าจะเป็นอายุ เพศ หน้าที่การงาน หรือจำนวนเงินเอาประกันภัยและใช้เบี้ยประกันภัยอัตราเดียวกับบุคคลทุกคนในกลุ่มนั้น ๆ การประกันภัยประเภทนี้อัตราดอกเบี้ยประกันภัยจะถูกกว่าการประกันภัยประเภทอื่น ๆ เหมาะสำหรับพนักงาน ในบริษัทต่าง ๆ

ที่มา: สมาคมประกันชีวิตไทย

ทำไมจึงต้องมีการประกันชีวิต

คราวนี้เรามารู้กันว่าทำไมจึงต้องมีการประกันชีวิต จากที่ทราบกันอยู่ว่า เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมามีบริษัทประกันชีวิตเกิดขึ้นมากมาย ทั้งธนาคารเองก็ผันตัวมาร่วมทำธุรกิจเกี่ยวกับประกันชีวิตด้วย นอกเหนือจากการให้ลูกค้าเก็บออมเงินอย่างเดียว ก็เพิ่มการขายประกันชีวิตไปด้วย ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น เพราะว่ารัฐบาลสนับสนุนหรือเปล่า ส่งเสริมให้คนในประเทศมีประกันชีวิตกัน โดยมีนโยบายลดหย่อนภาษีเมื่อไม่กี่ที่ผ่านมานี่เอง และปัจจุบันคนส่วนใหญ่หันมาทำประกันชีวิตกันมากขึ้นไม่ใช่แต่ฝากเงินอย่างเดียว จากที่เล่าๆมาก็มีเหตุผลหลายๆอย่าง แต่ก็สามารถขมวดรวมเป็นเหตุผลหลักๆได้ 3 ข้อ ดังนี้

ผู้เอาประกันชีวิตต้องการได้รับประโยชน์ในด้านความคุ้มครอง คือเมื่อมีภัยเกิดขึ้นแก่ชีวิตทำให้ผู้เอาประกันภัยต้องสูญเสียรายได้เนื่องจากการตาย ทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง หรือชราภาพ บริษัทประกันชีวิตจะจ่ายเงินให้ตามจำนวนที่ระบุไว้ให้แก่ผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับประโยชน์แล้วแต่กรณี

เพื่อการออมทรัพย์ หากผู้เอาประกันภัยเลือกซื้อการประกันชีวิตแบบที่มีการออมทรัพย์รวมอยู่ด้วย ผู้เอาประกันภัยจะได้รับเงินก้อนหนึ่งตามที่ตกลงไว้เมื่อมีชีวิตอยู่ ณ วันที่สัญญาครบกำหนด ทั้งนี้บริษทประกันชีวิตจัดเป็นสถาบันการเงินเช่นเดียวกับธนาคารและบริษัทเงินทุน

การประกันชีวิตให้ประโยชน์ในด้านการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ บริษัทประกันชีวิตจะนำเอาเงินส่วนที่เป็นเงินออมของผู้เอาประกันภัยไปลงทุนในหลักทรัพย์ต่าง ๆ เช่น พันธบัตรรัฐบาลไทย พันธบัตรขององค์การหรือรัฐวิสาหกิจ หรือตั๋วเงินคลังของกระทรวงการคลัง หรือนำไปลงทุนซื้อหุ้นหรือหุ้นกู้ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ทำให้รัฐบาลสามารถนำเงินส่วนนี้ไปใช้ในการก่อสร้างโรงไฟฟ้า สนามบิน ถนนหนทาง รถไฟฟ้าและอื่นๆ อันเป็นการลดภาระของรัฐบาลที่จะต้องกู้ยืมเงินจากต่างประเทศ

ที่มา: สมาคมประกันชีวิตไทย

การประกันชีวิตคืออะไร

สวัสดีครับ เมื่อจะเริ่มทำบล็อกรวบรวมเรื่องประกันชีวิต ก็ต้องรู้ก่อนว่าประกันชีวิตคืออะไร มีใครเกี่ยวข้องบ้าง ทำไมต้องทำประกัน มันมีประโยชน์อย่างไร มีกี่แบบ กี่ประเภท และรายละเอียดอื่นๆอีกมากมายเกี่ยวกับประกันชีวิตที่เราต้องรู้ ก่อนการตัดสินใจซื้อประกัน ให้ได้ประโยชน์สูงสุด ไม่ให้เสียเปรียบตัวแทน เป็นต้น แต่ก่อนอื่นเราต้องรู้ว่าประกันชีวิตคืออะไรก่อน

การประกันชีวิต คือการชดเชยรายได้ที่ต้องสูญเสียไปอันเนื่องมาจากการตาย ทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิงหรือชราภาพ โดยบริษัทประกันชีวิตจะจ่ายเงินตามจำนวนที่ระบุไว้ให้แก่ผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับประโยชน์ ตามที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ประกันชีวิต

ผู้เอาประกันภัย คือบุคคลที่ตกลงทำสัญญาประกันภัยกับบริษัทประกันชีวิตโดยอาศัยสาเหตุของการมีชีวิตหรือการตายเป็นเงื่อนไขในการจ่ายเงินประกันชีวิต

ผู้รับผลประโยชน์ คือบุคคลที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันชีวิตว่าจะเป็นผู้ได้รับเงินประกันชีวิตตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในสัญญา ผู้รับผลประโยชน์อาจเป็นบุคคลเดียวกับผู้เอาประกันภัยก็ได้

ที่มา: สมาคมการประกันชีวิตไทย